วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ บอกลบเอง shared by ศุภรักษ์ เจริญรักษ์

สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ บอกลบเอง กระทู้แฉยี่ห้อข้าวในเฟซบุ๊ก ยันไม่ได้ถูกมือมืดสั่งบล็อก

สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ บอกลบเอง กระทู้แฉยี่ห้อข้าวในเฟซบุ๊ก ยันไม่ได้ถูกมือมืดสั่งบล็อก แนะทุกข้าวทุกโรงสีเปิดโกดังให้เจ้าหน้าที่-สื่อตรวจสอบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเฟซบุ๊กของนายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้ดำเนินรายการคนค้นฅน และผู้บริหารในบริษัท ทีวีบูรพา ถูกสั่งบล็อกกระทู้ดังกล่าวกระทันหัน หลังมีการโพสต์แสดงความเห็นระบุถึงยี่ห้อของข้าวในภาคอีสานที่มีสารพิษตกค้าง ทำให้หนูตายใน 5 นาทีนั้น
ล่าสุดนายสุทธิพงษ์ ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุถึงสาหตุการลบข้อความดังกล่าวว่า เป็นผู้ลงมือลบข้อความด้วยตนเองไม่เกี่ยวข้องกับมือมืดสั่งการบล็อกแต่อย่างใด โดยระบุว่า
สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ, จำนำข้าว, ข้าวเน่า,พิธีกรคนค้นคน
เร็วกว่าไฟลามทุ่ง ถึงแม้ผมจะลบไปแล้ว เร็วที่สุดเท่าที่ผมจัดการได้เมื่อเห็นผลของความสะเพร่า ไปไกลเกินกว่าเจตนาแห่งสัมมาทิฐิและกุศลเจตนา อย่าให้และอย่าใช้ผมไปก่อกรรมกับใครเลยนะครับ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าผมสามารถลบความจริงทิ้งได้ และไม่ว่าใครก็ไม่สามารถลบกรรมทั้งดีชั่วทิ้งได้ โดยเฉพาะการกระทำกับชาวนาและข้าวปลาอาหาร
ที่ผ่านมา ผมปลีกตัวอยู่เงียบๆ ทำหน้าที่ของผมไป ภายใต้ความเป็นไปของโลกที่ ตระหนักดีว่าทัดทานไม่ได้ แตะต้องไม่ได้
ถ้าไม่อยากเปลืองตัว ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าวังเวงเหลือเกิน แผ่นดินนี้ สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกวังเวงไม่ใช่คลิปสนทนาที่บอกว่าตัดต่อ
ไม่ใช่ผลของโครงการรับจำนำข้าวที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันทำให้คนมีดวงตาเห็นธรรมเหมือนกัน ไม่ใช่ความรู้สึกนึกคิดที่แตกต่างกันต่อตัวท่านนายก ไปจนกระทั่งถึงการที่มีรัฐมนตรีมองว่าประชาชนเป็นขยะ ผมใช้โทรศัพท์เอไอเอสมาหลายปี ไม่เคยคิดเปลี่ยน รู้สึกสงสารท่านนายกอย่างไรก็ไม่เคยเปลี่ยน แต่ก็ไม่สามารถที่จะชื่นชม
การแชร์ความคิดเห็นของผู้อื่นไม่ได้หมายความว่าเราคิดเหมือนกันทุกอย่าง การไม่พูดถึงก็ไม่ได้หมายความว่าเห็นต่างไปเสียทั้งหมด คงถึงเวลาที่ต้องประกาศจุดยืนให้ทราบโดยทั่วกันว่า ผมเลือกข้างแล้วชัดเจน ว่าผมอยู่ข้างความถูกต้อง ถามว่าเอาอะไรมาวัดว่าถูกหรือผิดตอบว่าเอาสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน ซึ่งความมืดบอดต่อสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนนี่เอง ที่ทำให้ผมรู้สึกวังเวง
ผมคิดว่าผมควรพูดอะไรต่ออีกเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องข้าว(ความเป็นห่วงที่มีต่อความปลอดภัยของคนกินข้าว)เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องพูดเอามันส์ ไม่ใช่แค่เรื่องมาด่าทอเพื่อความสะใจ ผมคิดว่าเป็นเรื่องง่ายมากถ้าบริสุทธิใจ ไม่ต้องรอสื่อไปแอบตรวจสอบหรอกครับ
ข้าวทุกยี่ห้อและ โรงสีทั้งหลายที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ถูกกล่าวหาก็ตาม แย่งกันเลยครับ แย่งกันเปิดโรงสีให้เจ้าหน้าที่และสื่อเข้าไปตรวจอย่างอิสระ ทั้งตอนที่เป็นข้าวเปลือกและตอนที่สีบรรจุถุง ตรวจกันให้หนำใจเพราะข้าวบริสุทธิ์และปลอดภัยอยู่แล้วจะไปกลัวอะไร สื่อยินดีไปทำข่าวให้ไม่ต้องเสียเงินไปทำโฆษณา ผมว่าตราเปิดเผย จริงใจ บริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมานี่ การันตีคุณภาพให้ดียิ่งกว่าตรารับรองมาตรฐานไหนๆทั้งนั้น ทำเลยครับ
………………………

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น